เรื่อง "กล้วย" กล้วย กับสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

วันนี้เราจะพามาเจาะลึกเรื่องราวของ "กล้วย" ผลไม้สุดโปรดของใครหลายคน ที่บอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยนะ แต่ยังมีเรื่องราวและประโยชน์อีกเพียบที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!

เรื่อง "กล้วย" กล้วย กับสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
กล้วย Banana

เรื่อง "กล้วย" กล้วย กับสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

วันนี้เราจะพามาเจาะลึกเรื่องราวของ "กล้วย" ผลไม้สุดโปรดของใครหลายคน ที่บอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยนะ แต่ยังมีเรื่องราวและประโยชน์อีกเพียบที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!


กว่าจะมาเป็น "กล้วย": ชื่อและที่มาสุดเก๋

รู้ไหมว่าชื่อที่เราเรียกกันติดปากอย่าง "กล้วย" เนี่ย มีที่มาที่ไปน่าสนใจสุดๆ!

  • Musa (มูซา): ชื่อวิทยาศาสตร์ของกล้วย มาจากภาษาอาหรับ "Muz" ที่แปลว่ากล้วยนั่นแหละ ซึ่งคำนี้ก็มีรากมาจากภาษาสันสกฤต "Mocha" ที่หมายถึงกล้วยเหมือนกัน
  • Banana (บานาน่า): ส่วนคำว่า "บานาน่า" ที่ฝรั่งใช้เรียกกันเนี่ย มาจากภาษาแอฟริกาตะวันตก เมื่อโปรตุเกสกับสเปนไปครอบครองดินแดนแถบนั้นก็เลยเรียกตามๆ กันมา พอมีการนำ กล้วย ไปปลูกในอเมริกากลางและใต้เยอะๆ โดยใช้แรงงานทาสจากแอฟริกาตะวันตก คำนี้ก็เลยฮิตติดลมบนไปทั่วโลกเลย!

กล้วย ไม่ใช่พืชที่เพิ่งมานะ แต่เป็นพืชท้องถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่โบราณกาล พูดง่ายๆ คือเกิดและเติบโตที่เมืองไทยมานานแล้วนั่นเอง! มีหลักฐานทางโบราณคดีบอกด้วยว่า กล้วย เป็นสินค้าสำคัญที่ใช้ค้าขายกันตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนคริสตกาลเลยนะ! กล้วย ชอบอากาศอบอุ่นชื้นมากๆ เลยแพร่พันธุ์ไปทั่วโลกในบริเวณที่มีสภาพอากาศเหมาะสม


ทำความรู้จัก "กล้วย" ให้มากขึ้น: ลักษณะเด่นที่น่าทึ่ง!

กล้วย เป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่ ที่มีลำต้นจริงอยู่ใต้ดินเรียกว่า "เหง้า" ส่วนที่เราเห็นเป็นต้นสูงๆ ข้างบนดินนั่นคือ "ลำต้นเทียม" ที่เกิดจากการซ้อนกันของกาบใบนั่นเอง

  • ใบ: ใบ กล้วย เป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ผิวบนสีเขียวเป็นมัน ด้านล่างมีนวลเคลือบ
  • ดอก (ปลี): ดอก กล้วย ออกมาเป็นปลีสีแดงอมม่วง ใต้กาบปลีก็จะมีผล กล้วย เรียงกันเป็นหวีๆ
  • ผล: ผล กล้วย จะยาวรี ขนาดประมาณ 2-4 เซนติเมตร ถ้าดิบเปลือกจะแข็งสีเขียว พอสุกแล้วเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียวตามสายพันธุ์ เนื้อสีเหลือง รสหวาน และมีเมล็ดสีดำเล็กๆ แทรกอยู่ตรงกลาง

ความเจ๋งของ กล้วย คือปลูกง่ายมาก! ต้นหนึ่งออกลูกแค่ครั้งเดียวก็จะตายไป แต่ก็จะมีหน่อใหม่แตกขึ้นมาทดแทนเรื่อยๆ ทำให้เรามี กล้วย กินได้ตลอดไม่มีขาดช่วง

ปัจจุบัน กล้วย ถูกปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรขึ้นไปทางเหนือและลงมาทางใต้ที่สภาพอากาศเหมาะสม โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา เอเชีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก

สำหรับประเทศไทย กล้วย ขึ้นได้ทั่วทุกภาคเลยนะ! แหล่งปลูกสำคัญๆ ที่ได้ยินชื่อบ่อยๆ ก็เช่น กำแพงเพชร กาญจนบุรี เพชรบุรี ตาก ชุมพร และนครราชสีมา เป็นต้น


เปิดกรุ "กล้วย" สารพัดพันธุ์: คุณรู้จักกี่ชนิดกัน?

กล้วย ไม่ได้มีแค่ที่เราเห็นในตลาดทั่วไปนะ แต่มีหลากหลายสายพันธุ์มากๆ แต่ละพันธุ์ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจสุดๆ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง!

  • กล้วยกล้าย (กล้วยโกก/กล้วยโคก/กล้วยหมอนทอง): พบไม่บ่อยนัก มีที่จันทบุรี ตราด กรุงเทพฯ (บางกอกน้อย) ต้นสูง ผลยาวโค้ง เนื้อสีส้ม รสหวานอ่อน หอม ไม่มีเมล็ด
  • กล้วยขม (ขมเบา/ขมหนัก): พบมากในภาคใต้ ต้นสูงไม่มาก ผลอ้วนกลม ผิวสดใส พอสุกเปลือกเหลืองเข้ม เนื้อนิ่มฟู รสหวานหอม
  • กล้วยไข่: พันธุ์ยอดนิยม ปลูกมากที่กำแพงเพชร เพชรบุรี ตาก ผลเล็ก ผิวเหลืองไข่ เปลือกบาง เนื้อเหลืองสวย หวานหอม นิยมกินกับกระยาสารท มีพันธุ์ย่อยๆ เช่น กล้วยไข่พระตะบอง กล้วยไข่โบราณ
  • กล้วยไข่ทองขี้แมว: ต้นสูงปานกลาง มีจุดประสีน้ำตาลเข้มที่ลำต้น เครือมีประมาณ 7 หวี ผลสุกสีเหลืองอมส้ม มีเมล็ด
  • กล้วยไข่พระตะบอง (กล้วยไข่บอง/เจ็กบอง): ปลูกมากในภาคกลาง ผลโตกว่ากล้วยไข่ทั่วไป เนื้อสีเหลือง รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย
  • กล้วยเงิน: ต้นสูงปานกลาง ผลใหญ่เกือบเท่ากล้วยเทพรส รูปร่างคล้ายกล้วยไข่ เนื้อสีเหลือง
  • กล้วยจีน (นมสวรรค์/น้ำนมราชสีห์/ลังกา/ไข่ฝรั่ง/ส้ม): ต้นแข็งแรง สูงใหญ่ ผลเล็ก มีจุกเหมือนขวด เมื่อสุกสีเหลืองสด รสหวานอมเปรี้ยว
  • กล้วยช้าง: คล้ายกล้วยเทพรส แต่ปลีจะหายไปเมื่อติดผลหวีสุดท้าย เครือชี้ลงดิน ผลคล้ายกล้วยเทพรส
  • กล้วยตานี: กล้วยป่าจากอินเดีย ปลูกเพื่อใช้ใบตอง ผลมีเมล็ด นำมาปรุงอาหารได้
  • กล้วยตีบ (ตีบคำ/อีตีบ): ลูกผสมกล้วยป่ากับกล้วยตานี ผลคล้ายกล้วยหอมแต่ขนาดเท่ากล้วยไข่ สีเหลืองทอง รสหอมหวาน
  • กล้วยทองร่วง (ไข่ทองร่วง/ค่อมเบา): พบมากในภาคใต้ ผลใกล้เคียงกล้วยไข่แต่ใหญ่กว่า เมื่อสุกมักร่วงจากเครือ
  • กล้วยเทพรส (สิ้นปลี/ปลีหาย): ผลใหญ่ มีเหลี่ยมชัดเจน ปลายทู่ ผลดิบสีเขียว พอสุกเปลือกเหลืองส้ม เนื้อสีครีม เหนียวหวาน
  • กล้วยนมสาว: พบมากในภาคใต้ ผลอ้วนกลม ปลายมีจุกงอนขึ้น เมื่อสุกเปลือกหนา รสชาติหอมหวาน
  • กล้วยนมหมี: พบมากในภาคกลาง ผลขนาดใหญ่ ปลายผลมีจุกใหญ่ เนื้อสีขาวแน่น รสหวาน ควรนำไปทำให้สุกด้วยความร้อน
  • กล้วยนาก: เปลือกสีออกนาก (แดงอมส้ม) มีกลิ่นหอม รสหวาน ชาวมอญและกะเหรี่ยงนิยมบดป้อนเด็ก
  • กล้วยน้ำ (กระเจาะเนิก): ผลสุกสีเหลืองอมส้ม รสหวานมาก
  • กล้วยน้ำไท: กล้วยหายากที่เคยใช้ในพิธีบวงสรวง ผลสั้นกว่ากล้วยหอม รสหวานเข้มคล้ายกล้วยหอม บางทีก็เรียกกล้วยหอมน้อย
  • กล้วยน้ำนม: พบในภาคเหนือ ผลกลมเล็ก ปลายจุกงอนขึ้น เมื่อสุกสีเหลือง เปลือกหนา สีขาวนวล กลิ่นหอม เนื้อนุ่ม รสหวานแหลม
  • กล้วยน้ำว้า: กล้วย พื้นบ้านของไทย มีหลายสายพันธุ์ (กาบขาว ค่อม แดง เขียว มะลิอ่อง) กินได้ทั้งดิบและสุก แปรรูปได้หลากหลาย
    • กล้วยน้ำว้ากาบขาว: ผลดิบสีเขียวนวล พอสุกสีเหลืองกระดังงา เนื้อขาวเหนียว รสหวาน
    • กล้วยน้ำว้ากาบดำ: พบที่จันทบุรี ต้นสูง ผลยาวเรียว
    • กล้วยน้ำว้าเขียว: พบทั่วไป ผลดิบสีเขียวสด พอสุกเหลี่ยมจะลบ สีเหลืองอมเขียว เนื้อขาว เหนียว รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย
    • กล้วยน้ำว้าค่อม (น้ำว้าเตี้ย/อีเตี้ย): กลายพันธุ์จากกล้วยน้ำว้ากาบขาว ต้นเตี้ย ผลแน่น รสหวานอร่อย
    • กล้วยน้ำว้าแดง (น้ำว้าในออก/สุกไส้แดง/อ่อง): กลายพันธุ์จากกล้วยน้ำว้ากาบขาว เนื้อในสีขาวปนชมพู ไส้กลางสีชมพูแดง รสหวาน เนื้อเหนียว
    • กล้วยน้ำว้าดำ: พบมากในภาคกลาง ผลอ่อนมีลายคล้ายสนิม พอสุกสีเหลือง เนื้อขาว รสหวานมีกลิ่นเล็กน้อย
    • กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง (น้ำว้าสวน/ทองมาเอง): พบที่นนทบุรี ผลเหมือนกล้วยน้ำว้ากาบขาว รสหวานจัดกว่าทุกพันธุ์ นิยมปลูกในสวนทุเรียน
    • กล้วยน้ำว้าลูกไส้ดำ: พบที่กำแพงเพชร ผลมีเกสรตัวเมียติดอยู่ เมื่อผ่าจะเห็นไข่สีดำ
  • กล้วยนิ้วมือนาง (กล้วยหวาน): พบที่นครสวรรค์ ผลยาวเรียว เมื่อสุกสีเหลือง รสหวานเล็กน้อย
  • กล้วยบัวสีชมพู/สีส้ม: นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกคล้ายดอกบัว สีชมพูหรือส้ม ผลเล็ก
  • กล้วยผา (กล้วยครก/กล้วยโทน/กล้วยป่า): พบในป่าภาคเหนือและอีสาน ต้นเตี้ย ช่อดอกใหญ่ ผลป้อม ปลายแหลม มีเมล็ดมาก ทนแล้ง
  • กล้วยพม่าแหกคุก: พบในภาคกลาง ผลสีเขียวเข้มเป็นเงา เมื่อสุกสีเหลืองจำปา เนื้อแน่นเหนียว รสหวาน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อนำไปย่าง
  • กล้วยร้อยหวี (ปิซัง เซเรบู/งาช้าง/งวงช้าง): มีถิ่นกำเนิดที่อินโดนีเซีย ช่อดอกยาวมาก ห้อยย้อยลงมาเหมือนงวงช้าง มีผลเยอะมาก (200-300 หวี) รสหวานอ่อน เนื้อน้อย
  • กล้วยเล็บช้างกุด (กล้วยโก๊ะ/อีเต่า): พบมากในภาคใต้ ผลป้อมคล้ายกล้วยตานี ปลายมน รสหวาน เนื้อมีแป้งมาก
  • กล้วยเล็บมือนาง (กล้วยหมาก/ทองหมาก/เล็บมือ/หอม): กลายพันธุ์จากกล้วยป่า ปลูกมากที่ชุมพร ผลเล็กเท่านิ้วมือ ปลายยาวเรียวโค้งงอ ในหนึ่งหวีมีผลแน่นมาก รสหวาน เนื้อนุ่ม กลิ่นหอมแรง
  • กล้วยเลือด (เสือพราน/ทหารพราน/ใบลาย): กล้วยป่าชนิดใบประ พบที่แพร่และภาคเหนือ ใบมีประสีแดงอมม่วงสวยงาม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ผลเล็ก รสหวาน แต่มีเมล็ดมาก
  • กล้วยส้ม (หักมุก/หักมุกเหลือง/หักมุกสีทอง): พบทั้งภาคเหนือและตะวันออก ผลมีเหลี่ยมคล้ายกล้วยหักมุก เปลือกหนาสีเขียว พอสุกสีเหลืองทอง เนื้อสีเหลืองอมส้ม รสหวานอมเปรี้ยว
  • กล้วยสา: พบมากในภาคใต้ ผลคล้ายกล้วยไข่แต่ยาวตรง เนื้อสีครีม รสหวาน หอม
  • กล้วยสามเดือน: ผลมีเหลี่ยมชัดเจน เปลือกหนา เมื่อสุกสีเหลืองอมส้ม รสหวานเล็กน้อย
  • กล้วยหก (กล้วยป่าอ่างขาง/แดง): กล้วยตานีป่า พบตามภูเขาสูงภาคเหนือ ผลป้อมปลายทู่ เนื้อสีเหลือง มีเมล็ด นิยมนำปลีมาปรุงอาหาร
  • กล้วยหอมจันทน์ (น้ำ/ขนุน/หอมนางนวล/แก้ว/หอมเล็ก): ผลเล็กเรียว ก้านสั้น เปลือกหนา รสหวานเย็น กลิ่นหอมจัดจนฉุน
  • กล้วยหอมทอง: กล้วย เศรษฐกิจสำคัญของโลก ผลยาวรี ปลายคอดมีจุก เปลือกบาง เมื่อสุกสีเหลืองทอง เนื้อสีส้มอ่อน กลิ่นหอม รสหวาน เนื้อนุ่มเนียน เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการขนส่งทางไกล
  • กล้วยหอมสั้น: ผลใกล้เคียงกล้วยน้ำว้าแต่รูปร่างเหมือนกล้วยไข่ รสหวาน
  • กล้วยหักมุก: นิยมนำมาปิ้งกิน เนื้อหยาบและแน่น สีเหลืองอร่าม รสหวานอ่อนอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม
  • กล้วยหิน: กล้วย คู่แม่น้ำปัตตานี ปลูกตามเนินเขา เมื่อนำไปแปรรูปจะอร่อยมาก เช่น กล้วยหินต้ม กล้วยฉาบหิน

ปลูก "กล้วย" ง่ายๆ ได้ผลดี!

อยากมี กล้วย ไว้กินเองที่บ้าน ไม่ยากเลย!

  • การขยายพันธุ์: ใช้ "หน่อกล้วย" เป็นหลัก
  • เตรียมหลุม: ขุดหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์
  • ระยะปลูก: เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 4x4 เมตร

ดูแล "กล้วย" ยังไงให้งาม?

การดูแล กล้วย ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร:

  • ให้น้ำ: หลังปลูกใหม่ ถ้าฝนไม่ตกก็รดน้ำได้เลย
  • ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-5-20 อัตรา 100 กรัมต่อต้น เมื่อ กล้วย อายุ 1 เดือน และเพิ่มเป็น 200 กรัมต่อต้น เมื่ออายุ 3, 6 และ 8 เดือน

โรคและศัตรู "กล้วย": รู้ไว้ ป้องกันได้!

ถึงแม้ กล้วย จะปลูกง่าย แต่ก็มีโรคและแมลงมารบกวนได้เหมือนกันนะ:

  • โรคใบลาย: ใบเป็นปื้นสีส้มปนน้ำตาล แก้ไขโดยตัดใบที่เป็นโรคไปเผาทิ้ง แล้วพ่นสารคาร์เบนดาซิม
  • โรคผลจุด/จุดกระบนผล: พบจุดเล็กๆ บนผลกล้วย แก้ไขโดยพ่นสารคาร์เบนดาซิมตอนปลีเปิด แล้วห่อเครือกล้วยด้วยถุงพลาสติก
  • ด้วงงวง: หนอนกัดกินเหง้ากล้วยใต้ดิน ป้องกันโดยรักษาความสะอาดแปลง เผาต้นที่ถูกทำลาย ทำกับดักล่อ แล้วราดสารฟิโปรนิลรอบโคนต้น
  • ด้วงเจาะลำต้น: วางไข่ตามกาบ กล้วย หนอนกัดกินไปถึงไส้กลางต้น ป้องกันคล้ายด้วงงวง
  • หนอนม้วนใบกล้วย: ใบม้วนเป็นหลอด แล้วหนอนกัดกินอยู่ข้างใน ป้องกันโดยรักษาความสะอาดแปลง เผาต้นที่ถูกทำลาย
  • เพลี้ยไฟ/เพลี้ยแป้ง: ดูดกินน้ำเลี้ยงจากผล หรือกาบใบ ป้องกันโดยพ่นสารเคมี เช่น แลมป์ดาไซฮาโลทริน (สำหรับเพลี้ยไฟ) หรือคาร์บาริล (สำหรับเพลี้ยแป้ง) หรือห่อผลทั้งเครือ

สารพัดประโยชน์ของ "กล้วย": ดีต่อสุขภาพกว่าที่คิด!

กล้วย ไม่ได้อร่อยอย่างเดียวนะ แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย:

  • คุณค่าทางอาหารสูง: ให้พลังงานถึง 100 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม
  • ย่อยง่าย: กล้วย สุกย่อยง่าย ให้คาร์โบไฮเดรตและวิตามินเอสูง
  • รักษาอาการผิดปกติทางเดินอาหาร: ทั้ง กล้วย ดิบและสุกช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้
  • สรรพคุณทางยา: ช่วยแก้โรคกระเพาะ ท้องผูก ปวดข้อ ไข้ ลดความดันโลหิตสูง เจ็บคอ เบาหวาน ปัสสาวะขัด และริดสีดวงทวารได้ด้วย!

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวของ "กล้วย" ที่เรานำมาฝากกันวันนี้? หวังว่าจะทำให้ทุกคนรู้จักและรัก "กล้วย" มากขึ้นไปอีกนะ! ใครมีประสบการณ์กับ กล้วย สายพันธุ์ไหนเป็นพิเศษ หรือมีเมนู กล้วย เด็ดๆ มาแชร์กันได้เลย!

Read more

ปลูกกล้วย

ไม่รู้จะปลูกอะไร? ปลูกกล้วยสิ!

กล้วย ผลไม้ที่ดูเหมือนธรรมดา ๆ ที่เราเห็นกันทุกวันนี่แหละ คือสุดยอด "พืชมหัศจรรย์" ที่จะสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตคุณและโลกใบนี้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!

By Julinsee
การปลูกพืชแบบออร์แกนิกส์: ดีต่อสุขภาพของคุณอย่างไร

การปลูกพืชแบบออร์แกนิกส์: ดีต่อสุขภาพของคุณอย่างไร

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า พืชผักที่ปลูกแบบออร์แกนิกส์อาจมี ปริมาณสารอาหารที่สูงกว่า โดยเฉพาะวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

By Julinsee